ฝนนี้ ระวังโรคไข้เลือดออก

โรคไข้เลือดออกเป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทย ต้องอาศัยการวินิจฉัยที่ถูกต้องและรวดเร็ว เฝ้าระวังผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดและให้การรักษาอย่างเหมาะสม โรคนี้พบบ่อยในฤดูฝน เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกีซึ่งมี 4 ชนิดและมียุงลายเป็นพาหะนำโรคผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กโต วัยรุ่น และผู้ใหญ่อายุน้อย

รศ.นพ.ชิษณุ พันธุ์เจริญ ให้เกร็ดความรู้ ถึง อาการของผู้ป่วยไข้เลือดออกที่สำคัญคือ ไข้สูงลอยนาน3-7 วัน หน้าแดง ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ตับโตและกดเจ็บ และพบเลือดออกที่ผิวหนังและในกระเพาะอาหารได้ผู้ป่วยบางรายอาจมีการรั่วของน้ำออกจากเส้นเลือด ทำให้มีภาวะเลือดข้นและเกิดอาการช็อกได้ การวินิจฉัยโรคไข้เลือดออกอาศัยอาการของผู้ป่วยร่วมกับการตรวจนับเม็ดเลือดและการตรวจเพื่อยืนยันว่าเป็นไข้เลือดออก

การรักษา 1.การดูแลรักษาเบื้องต้นผู้ป่วยไข้เลือดออกส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรงและสามารถให้การดูแลรักษาที่บ้านได้ ควรนำผู้ป่วยมาพบแพทย์ทุก 1-2 วัน เพื่อติดตามอาการ การดูแลผู้ป่วยประกอบด้วย การลดไข้ด้วยการเช็ดตัวและกินยาลดไข้ รับประทานอาหารอ่อน และดื่มน้ำให้เพียงพอผู้ป่วยที่มีอาการโดยทั่วไปแย่ลงโดยเฉพาะเมื่อไข้ลดลง เช่น ซึม มือเท้าเย็น ชีพจรเต้นเบาเร็ว กระสับกระส่าย ปวดท้องรุนแรง อาเจียนเป็นเลือด ต้องรีบไปโรงพยาบาล2.การรักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยที่ดื่มน้ำได้ไม่เพียงพอ ปวดท้องหรืออาเจียนมาก มีภาวะเลือดข้น มีเลือดออกในกระเพาะอาหาร หรือมีภาวะช็อกควรรับไว้รักษาในโรงพยาบาล

ส่วนการป้องกัน 1.หลีกเลี่ยงไม่ให้ยุงกัด ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายและลูกน้ำ2.วัคซีนไข้เลือดออกแนะนำในเด็ก (อายุ 9 ปีขึ้นไป) และผู้ใหญ่ โดยเฉพาะคนที่เคยติดเชื้อไวรัสเดงกีมาก่อนเพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำซึ่งมักมีอาการรุนแรง

ที่มา :    สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) 

ท่านสามารถแสดงความคิดเห็นด้วยระบบ Facebook comment